ยายชาวนาเศร้า ฟ้าผ่าเปรี้ยงเดียว วัวงามลูกผสมเพศเมีย 3 ตัวที่ท้องแก่ใกล้ตกลูก และวัววัยรุ่น 2 ตัว ตายคาที่ 8 ตัว ถึงกับช็อก เข่าทรุดแทบเป็นลม หลังรู้ปศุสัตว์และปภ.ไม่เยียวยา เหตุเพราะเป็นภัยธรรมชาติ จึงพนมมือไหว้ขอความช่วยเหลือ เพราะสูญกว่าครึ่งล้าน
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีเหตุฟ้าผ่าลงกลางคอกวัว ที่บริเวณสวนยางพารา ด้านทิศเหนือบ้านนางาม หมู่ 6 ต.โนนสูง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ความแรงของสายฟ้าทำให้วัวในคอกพันธุ์บรามันตายเกือบยกคอก โดยเป็นวัวเพศเมีย 3 ตัวที่กำลังท้องแก่ใกล้ตกลูก และวัววัยรุ่นอีก 2 ตัว และมีรอดปาฏิหาริย์ 3 ตัว ซึ่งหากนับรวมกับวัวที่เป็นตัวอ่อนในท้องแม่ ก็จะพบว่าถูกฟ้าผ่าตายหมู่ถึง 8 ตัวทีเดียว
ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปพบ นางปราณี ภูจอมแก้ว อายุ 62 ปี เจ้าของวัวที่ถูกฟ้าผ่าตาย ซึ่งยังอยู่ในอาการเสียใจต่อการสูญเสีย “วัวงาม” ไปพร้อมกันถึง 5 ตัว และที่เป็นตัวอ่อนในท้องอีก 3 ตัว ระบุว่า เหตุฟ้าผ่าวัวตายหมู่ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของคืนวันที่ 29 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าของวัวตกอยู่ในความเศร้าไม่ต่างกับฝันร้าย แทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ท่ามกลางความเห็นใจของเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันก็ได้เกิดเสียงวิจารณ์ไปต่างๆ นานา ว่าวัวที่ถูกฟ้าผ่าจะ “ตายฟรี” หรือมีสิทธิ์ได้รับการชดเชยเยียวยาจากภาครัฐหรือไม่
นางปราณี กล่าวว่า คืนเกิดเหตุตนเข้าไปนอนในหมู่บ้าน ขณะที่สามีจะเป็นคนนอนเฝ้าฝูงวัว โดยทำคอกไว้ด้านทิศตะวันตกของสวนยางพารา ห่างที่พักประมาณ 30 เมตร ซึ่งได้มานอนเฝ้าวัวเป็นเวลากว่า 6 ปี เดิมเคยทำคอกวัวอยู่ด้านทิศตะวันออกของที่พัก แต่เมื่อปีที่ผ่านมาเกิดเหตุฟ้าผ่าวัวเพศเมียตาย 1 ตัว ก็ไม่ได้รับการเยียวยาจากหน่วยงานใด จากนั้นก็ได้ย้ายคอกวัวมายังจุดที่เกิดเหตุฟ้าผ่าในครั้งนี้ ซึ่งเป็นความสูญเสียครั้งที่ 2 และรุนแรงกว่าครั้งแรกมาก เนื่องจากสูญเสียวัวงามที่ตนเลี้ยงมาด้วยความรักใคร่เอ็นดูไปพร้อมๆ กันถึง 5 ตัว
นางปราณี กล่าวอีกว่า คืนเกิดเหตุฝนตกหนัก มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระยะ ก็ไม่ได้สังหรณ์ใจอะไรเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายกับตน จนถึงเวลา 07.00 น. ของวันที่ 30 พ.ค. 66 ตนได้ออกไปดูวัวในคอกเพื่อจะนำออกไปกินหญ้า ขณะที่สามีซึ่งเป็นคนนอนเฝ้าวัวไปหาเก็บเห็ดป่า พอเดินเข้าใกล้คอกวัวก็เห็นความผิดปกติ มองเข้าไปในคอกเห็นวัวนอนนิ่ง หันหัวไปคนละทิศคนละทาง บางตัวคอพับ ขาเหยียดเกร็ง เข้าใจทันทีว่าวัวตายแล้ว ก็แทบช็อก ร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว จนเพื่อนบ้านผ่านมาเห็นและปลอบใจ พอตั้งสติได้ก็ประเมินเหตุการณ์ จึงรู้ว่าวัวถูกฟ้าผ่าตาย เหลือรอดปาฏิหาริย์เพียง 3 ตัว
นางปราณี กล่าวเพิ่มว่า วัวทั้ง 5 ตัว ตนทั้งรักและผูกพันกับมันมาก เพราะเลี้ยงเอง เกี่ยวหญ้าให้กินเอง เคยมีคนมาติดต่อขอซื้อราคาหลักแสน หรือขายแบบยกคอก 4-5 แสน แต่ไม่ยอมขาย อยากจะเก็บไว้เป็นมรดกให้ลูกหลาน เหมือนเป็นเงินเก็บเงินฝากก้อนสุดท้ายในชีวิต แต่กลับเคราะห์ร้ายถูกฟ้าผ่าตายเกือบหมดทั้งคอกอย่างนี้ จากกรณีวัวถูกฟ้าผ่าตาย ญาติได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้คำตอบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา โดยให้เหตุผลว่าฟ้าผ่าเป็นภัยที่ป้องกันได้ ไม่ถือว่าเป็นสาธารณภัย ทำให้ตนแทบหมดหวัง เข่าอ่อนทรุดแทบจะเป็นลม
“จึงอยากวิงวอนภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือด้วย เพราะฟ้าผ่าถือว่าเป็นภัยธรรมชาติ ใครจะไปป้องกันฟ้าผ่าได้ ในเมื่อมันเป็นภัยธรรมชาติ อย่างไรก็ตามก็อยากให้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาว่าสัตว์เลี้ยงถูกฟ้าผ่าได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากทางภาครัฐหรือไม่ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือก็ควรจะเปลี่ยนระเบียบใหม่ เพื่อให้มีการช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน” นางปราณี กล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบระเบียบของกระทรวงมหาดไทย หมวด 5/1 การให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านอื่นๆ กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านอื่นๆ เพื่อฟื้นฟูเยียวยาสงเคราะห์ บรรเทาผลกระทบของประชาชน ให้ผู้บริหารท้องถิ่นพิจารณาช่วยเหลือประชาชนได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ไม่เกินอัตราตามหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานรัฐกำหนด จึงขอฝากไปถึงราชการส่วนท้องถิ่นและผู้บริหารเทศบาลตำบลโนนสูง ได้โปรดพิจารณาช่วยเหลือและเยียวยา กรณีวัวถูกฟ้าผ่าตายหมู่ในครั้งนี้ด้วย.